แบบสำรวจ "สถานะการฉีดวัคซีนโควิด-19 ใน จ.ราชบุรี" จัดทำขึ้นโดย ราชบุรีโพล สถาบันราชบุรีศึกษา มีวัตุประสงค์เพื่อสำรวจสถานะและความเห็นในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของคนใน จ.ราชบุรี เพื่อนำข้อมูลที่ได้เสนอไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเพื่อใช้ในการวางแผนยุทธศาสตร์การบริหารวัคซีนของ จ.ราชบุรีให้มีประสิทธิภาพต่อไป ระยะเวลาในการสำรวจ 23-30 มิ.ย.2564 ผลการสำรวจสรุปได้ ดังนี้
คำถามที่ว่า ปัจจุบัน ท่านอยู่ในสถานะใดของการฉีดวัควีน
มีผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 370 คน ผลการสำรวจเรียงจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้
มีผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 370 คน ผลการสำรวจเรียงจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้
- อันดับ 1 ผู้ที่ลงทะเบียนในทุกช่องทางแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการนัดหมาย จำนวน 241 คน คิดเป็นร้อยละ 65.1
- อันดับ 2 ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว จำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 10.8
- อันดับ 3 ผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว และได้รับวันนัดหมายฉีดวัคซีนแล้ว จำนวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 8.9
- อันดับ 4 ผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนที่ใดเลย จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 7.6
- อันดับ 5 ผู้ที่รอฉีดวัคซีนยี่ห้อที่ต้องการ โดยจ่ายเงินเอง จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2
- อันดับ 6 ผู้ไม่ประสงค์ฉีดวัคซีน จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 3
- อันดับ 7 ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.4
ท่านคิดว่าท่านควรจะได้รับการพิจารณาลำดับการฉีดวัคซีนอย่างไร
จากคำถามที่ว่า เนื่องจากจำนวนวัคซีนที่ได้รับจากรัฐบาลทยอยจัดส่งมายัง จ.ราชบุรี เป็นงวด ๆ และวัคซีน "ซิโนฟาร์ม" ที่ อบจ.ราชบุรี หรือ อปท.อื่น ๆ จัดซื้อเพิ่มเติม มีจำนวนจำกัด จึงจำเป็นต้องมีการจัดลำดับการฉีดวัคซีนก่อนและหลัง ท่านคิดว่าท่านควรจะได้รับการพิจารณาลำดับการฉีดวัคซีนอย่างไร ผลสำรวจความเห็นการจัดลำดับการฉีดวัคซีน จำนวน 328 คน สรุปได้ดังนี้- ร้อยละ 36.19 ควรได้รับการฉีควัคซีนในลำดับต้น ๆ
- ร้อยละ 26.67 เห็นว่าตัวเองรอได้ ฉีดให้คนอื่นที่มีความจำเป็นก่อน
- ร้อยละ 23.81 เห็นว่าตัวเองควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นลำดับแรก
- ร้อยละ 12.70 เห็นว่าตัวเองควรได้รับการฉีดเป็นลำดับกลาง ๆ
- ร้อยละ 0.63 ไม่ฉีด
จากคำตอบที่ผู้ตอบแบบสำรวจ ที่เห็นว่าตัวเองควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นลำดับแรก ประกอบด้วยเหตุผลต่าง ๆ พอสรุปได้ดังนี้
เหตุผลส่วนใหญ่ เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่จัดการเรียนการสอน ต้องสัมผัสและใกล้ชิดกับนักเรียนเกือบตลอดทั้งวัน ซึ่งตัวนักเรียนก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นครูจึงควรมีภูมิคุ้มกัน และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ พ่อแม่ผู้ปกครอง ในการส่งบุตรหลานมาเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียน ควรได้รับการฉีดวัคซีน ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอมอีกครั้ง เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เหตุผลอื่น ๆ
- ทำงานเสริมสวย ต้องพบลูกค้าจำนวนมาก จำเป็นต้องป้องกันเพื่อตัวเองและป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่คนอื่น
- ต้องเดินทางไปทำงานพื้นที่เสี่ยง
- ทำงานท่ามกลางคนหมู่มาก
- เพราะเป็นผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง
- อายุ 71 ปี ดูแลแม่อายุ 102 ปี
- อายุ 48 ปี เป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียและอยู่ในตลาดชุมชน ในครอบครัวยังมีผู้สูงอายุและเด็กอีกด้วย
- มีอาชีพค้าขาย ทำให้พบคนจำนวนมาก หลากหลาย
- เป็นครู กศน. ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในชุมชน พบปะนักศึกษา ประชาชนทั่วไป เป็นประจำในการจัดกิจกรรม
- เป็นนักศึกษาต้องเรียนร่วมกับนักศึกษาที่มาจากหลายจังหวัด หลายพื้นที่
- ในที่ทำงาน มีเพื่อนร่วมงานที่เดินทางมาพื้นที่เสี่ยง (กรุงเทพ นครปฐม)
- เป็นสื่อมวลชน ที่ต้องไปทำข่าวในสถานที่ต่าง ๆ พบปะกับผู้คนหลากหลาย
- เปิดร้านข้าวแกงอยูในพื้นที่เสี่ยง มีลูกค้าจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวลูกค้าที่มารับประทานอาหารที่ร้าน
- ต้องเดินทางไปขายของในพื้นที่ควบคุม และในบ้านมีเด็ก 3 คน ผู้พิการอายุ 70 กว่าอีก1คน ต้องเจอกับนักเรียน
- เป็นสามีของพยาบาลซึ่งทำงานอยู่ด่านหน้า
- เพราะทำงานด้านบริการที่พัก พบปะลูกค้าตลอด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- เป็นข้าราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานหลายจังหวัด และจำเป็นต้องเดินทางไปพื้นที่ควบคุมสูงสุด/มีการระบาดหนัก เกรงว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อมาระบาดใน จ.ราชบุรี
- ต้องดูแลลูกชายอายุ 11 ปีเพียงลำพังเพราะสามีไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่กับลูกชายที่คอนโดมิเนียมขนาดใหญ่กลางใจเมืองราชบุรี (ห้องชุด 160 ยูนิต มีผู้พักอาศัยอยู่กว่า 100 ครอบครัว) ซึ่งถือเป็นสถานที่เสี่ยงสูงในการที่จะได้รับเชื้อจากโรคระบาดโควิด-19 ได้ง่าย
*******************************************
ราชบุรีโพล ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยกรุณาตอบแบบสำรวจในครั้งนี้ความคิดเห็นของท่าน มีประโยชน์เสมอ
Your voice Always useful
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น